‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ ชี้นโยบายทรัมป์ ส่งผลราคาน้ำมันลง เงินเฟ้อต่ำ ส่วนปัญหาโลกเดือดอาจรุนแรงขึ้น ดันราคาโภคภัณฑ์-สินค้าเกษตรสูง ต้นทุนวัตถุดิบแกว่งผันผวนสูง
รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (DEIIT-UTTC) เปิดเผยว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินพลังงานแห่งชาติของรัฐบาลทรัมป์จะทำให้ราคาน้ำมันและพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลงแรง มีแผนสนับสนุนการเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลและสำรวจแหล่งพลังงานฟอสซิลเพิ่มเติม ยกเลิกการห้ามขุดเจาะสำรวจแหล่งพลังงานในที่ดินทางการและพื้นที่นอกชายฝั่งของรัฐบาลโจ ไบเดน นอกจากนี้ยังชะลอแผนลดการปล่อยคาร์บอนของสหรัฐอเมริกา มาตรการและนโยบายเหล่านี้จะช่วยทำให้อัตราเงินเฟ้อโลกปรับตัวลง ต้นทุนการผลิตภาคธุรกิจอุตสาหกรรมลดลง เฉพาะหน้าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและไทย ค่าเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อในไทยจะลดลงอีกจากแรงกดดันราคาพลังงานโลกลดลงอย่างชัดเจน อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2568 จะต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ 0.8% และมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อในปี 2568 อาจต่ำกว่าปี 2567 อย่างไรก็ตาม การถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสของสหรัฐฯ จะทำให้ภาระต้นทุนในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนของประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น ปัญหาโลกเดือดอาจรุนแรงขึ้นอีก อาจดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าเกษตรสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบแกว่งผันผวนสูง
กล่าวต่อว่า คำสั่งประธานาธิบดีจำนวนมากในวันแรกของดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ คือ การดำเนินงานตาม Heritage Project 2025 ของมูลนิธิ Heritage Foundation มูลนิธิเฮอริเทจ เป็น คลังสมองของเครือข่ายอนุรักษ์นิยมสหรัฐฯ มีความมุ่งหมายในการจัดการ “รัฐพันลึก” ในระบบราชการสหรัฐฯด้วยการปฏิรูประบบรัฐการและลดขนาดของระบบรัฐการของรัฐบาลกลาง ลดราคาพลังงาน ลดเงินเฟ้อ ตัดลดค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เนรเทศผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศและยกเลิกการให้สัญชาติโดยกำเนิด ปฏิรูปการศึกษาลดบทบาทรัฐบาลกลาง กำหนดให้รัฐบาลยอมรับการทำงานของบุคคลตามเพศสภาพเมื่อแรกเกิดเท่านั้น ส่งผลกระทบกับชาว LGBTQ ในสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยยสำคัญ ขณะเดียวกัน การยกเลิกการแบน Tik Tok และ ขอให้บริษัทอเมริกันเข้าไปถือหุ้นเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะไม่รุนแรง และหากผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างสามารถตกลงกันได้
2 เดือนหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ราคาหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคพุ่งขึ้น ทำให้กลุ่มทุนไฮเทครวยขึ้น 240,000 ล้านดอลลาร์ภายในสองเดือน คาดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเผชิญการควบแน่นของการผูกขาดอำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นอีก สิ่งนี้ไม่ได้มีผลต่อสหรัฐฯเท่านั้น แต่จะทำให้ระบบทุนนิยมโลกถูกครอบงำโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคมากยิ่งกว่าเดิม ผลประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจจะถูกรวมศูนย์จากบริษัท 7 นางฟ้า เศรษฐกิจแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์นั้นถูกขับเคลื่อนและดำเนินไปโดยแรงงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างในส่วนสำคัญของกิจการ ผู้คนเป็นพันล้านคนใช้เวลามากมายในแต่ละวันเพื่อสร้างเนื้อหาให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ฟรีๆโดยรายงานเหตุการณ์ต่างๆ แสดงความคิดเห็น นำเสนอเรื่องราวต่างๆพร้อมโพสต์รูปภาพต่างๆ โพสต์วิดิโอต่างๆ สิ่งที่อาจจะพิจารณาว่าเป็นค่าจ้างได้ ก็คือ การสื่อสารถึงกลุ่มคนต่างๆและความสัมพันธ์ใหม่ หากโพสต์มีคนเข้าชมหรือมีส่วนร่วมมากพอก็อาจได้รับส่วนแบ่งจากโฆษณาเพียงเล็กน้อย ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมและได้รับประโยชน์ที่เหมาะสมในเงื่อนไขที่เหมาะสม ในอนาคตการแบ่งปันข้อมูลอาจจะขยายยัง ข้อมูลการเงินส่วนบุคคล ปัญหาสุขภาพ หรือชีวิตส่วนตัว ก็ได้ เจ้าของธุรกิจแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เจ้าใหญ่ๆของโลกล้วนเป็นบริษัทสหรัฐฯ