หน้าแรก ข่าวสารพลังงาน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ตัวเปลี่ยนเกมพลังงานอนาคต

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR ตัวเปลี่ยนเกมพลังงานอนาคต

ส่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นอกประเทศ แหล่งพลังงานสะอาดตอบโจทย์ความมั่นคง จีนโชว์เทคโนโลยี SMR จิ๋วแต่แจ๋ว ชี้ไืทยต้องเรียนรู้กลไกสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย

   หลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับการหาแหล่งพลังงานสะอาด ที่จะมาตอบโจทย์กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงพลังงาน ตลอดจนอัตราค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม ขณะที่ประเทศไทยการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ 2567-2580 กำหนดให้มีสัดส่วนของพลังงานทดแทน 51 % ของกำลังการผลิตทั้งหมด และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกกำหนดให้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในช่วงปลายแผนในสัดส่วน 1%  หรือ 600 เมกะวัตต์  ที่ผ่านมาภาพจำของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกมองในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก จากความกังวลในเรื่องความไม่ปลอดภัยทำให้ถูกมองว่าเสียโอกาสในการมีพลังงานสะอาดที่มีต้นทุนต่ำในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
    รศ.ดร.อักษรศรี  พานิชสาส์น  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า “ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานเป็นจุดแข็งที่จะช่วยดึงการลงทุนจากต่างชาติ หากเทียบไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่นเวียดนาม ไทยค่อนข้างมีความพร้อมมากกว่าในแง่โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและครอบคลุมมากกว่า ทั้งโครงข่าย ถนน  ทางหลวง ทางด่วน สนามบิน  และท่าเรือ”  ขณะที่ด้านพลังงานและการผลิตไฟฟ้า “ มี 2 ประเด็น คือ การมีแหล่งพลังงานสำรองเพียงพอ กับความมีเสถียรภาพของกำลังผลิตไฟฟ้าที่นำมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในประเด็นแรก เวียดนามไม่ได้มีปัญหาในแง่แหล่งพลังงานสำรอง ทั้งก๊าซและน้ำมัน  ถ่านหิน  ประกอบกับเวียดนามมีค่าไฟที่ถูกกว่าไทย เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามมีการอุดหนุนค่าไฟฟ้า ทำให้ค่าไฟของเวียดนามประมาณ 2.69 บาทต่อหน่วย ราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าไฟของไทยที่ราคา 4.15 บาทต่อหน่วย
     แต่ปัญหาด้านพลังงานของเวียดนาม คือ ประเด็นความมีเสถียรภาพของกำลังการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและเข้ามาลงทุนของต่างชาติจำนวนมากในเวียดนาม ทำให้ความต้องการหรือดีมานด์การใช้ไฟฟ้าในเวียดนามเพิ่มสูงมาก ไม่สอดคล้องกับกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ จึงเกิดปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนในบางช่วงเวลาของเวียดนาม และเป็นจุดอ่อนที่สำคัญในขณะนี้”  อย่างไรก็ดีในการประชุม World Economic Forum ปี 2025 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ประกาศ “เดินหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งมีแผนก่อสร้างให้เสร็จภายใน 5 ปี จึงถือว่า เวียดนามกำลังเร่งกำจัดจุดอ่อนของตัวเองในด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีความสำคัญมากขึ้นในยุค AI ที่กินไฟมาก ถือเป็นการกล้าตัดสินใจเชิงนโยบายของผู้นำเวียดนาม” 
     ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีการพัฒนาที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่เรียกว่า Small Modular Reactor : SMR  ซึ่งค่อนข้างปลอดภัยกว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ในระบบแบบเดิม อย่างเช่นที่เคยเกิดปัญหาในกรณีของ Chernobyl ( เชเนอบิล)  ขณะที่ประเทศจีน“เป็นอีกประเทศที่ให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานสะอาด ดังนั้น จีนมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าแบบ SMR โดยได้ยกระดับระบบการผลิตด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยของเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ หรือ Nuclear 4.0 
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าแบบ SMR จะมีขนาดเล็ก กำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ จึงสามารถควบคุมด้านความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ที่สำคัญ คือ การผลิตไฟฟ้าแบบ SMR ถือเป็นพลังงานสะอาดไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม (Carbon-Free Energy) และสามารถผลิตไฟฟ้าที่มีความเสถียรสูง”  รัฐบาลจีนมี“ยุทธศาสตร์มุ่งสู่การทำ  Green  Transition อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ถือเป็นนโยบายหลักระดับชาติที่จะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การสร้างสังคม Net Zero ตามมาตรฐานสากล รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดแบบครบวงจร  นอกจากนี้ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีนฉบับปัจจุบัน (ฉบับที่ 14 ) ยังได้กำหนดให้มีตัวชี้วัดอย่างชัดเจนในการลดมลพิษด้านต่างๆและถูกจัดให้เป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเชิงบังคับต้องทำให้สำเร็จภายในระยะเวลา 5 ปี” 

    รศ.ดร.อักษรศรี กล่าวว่า “จากการเดินทางไปลงพื้นที่และเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบ SMR ของจีนที่เกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา พบว่า โรงไฟฟ้าแบบ SMR  มีจุดเด่น คือ (1) เป็นพลังงานสะอาดไม่ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่สร้างมลพิษ 
(2) เป็นพลังงานสะอาดที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 24 ชม.ไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ (ไม่เหมือนพลังงานลม หรือพลังงานแสงอาทิตย์) (3) ใช้เชื้อเพลิงน้อยแต่ผลิตไฟฟ้าได้มาก และมีเสถียรภาพในการผลิตได้ต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลจีนมุ่งมั่นในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบ SMR ที่มีความปลอดภัยกว่าแบบเดิม”  ที่สำคัญ “ในยุคที่โลกเราขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI มีการใช้เครื่องมือเครื่องใช้อัจฉริยะในชีวิตประจำวันมากขึ้น จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยเฉพาะการสร้าง Data Center ขณะเดียวกัน ก็ต้องการที่จะลดการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากฟอสซิลแบบดั้งเดิมที่ก่อมลพิษ ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดแบบ SMR ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น”  

    นอกจากนี้ “โรงไฟฟ้า SMR ที่ไม่ปล่อยก๊าซ CO2 ยังเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลายบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Microsoft และ Google ก็เริ่มที่จะนำไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ SMR เพื่อมาป้อนให้กับศูนย์ Data Center ของตัวเอง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า โรงไฟฟ้า SMR คือ ตัวเปลี่ยนเกมสู่อนาคต”  ทั้งนี้ความท้าทายสำคัญของโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบ SMR คือ ความกังวลเรื่องความปลอดภัย มีแนวโน้มที่จะเกิดการต่อต้าน จึงเป็นโจทย์ยากที่ต้องตอบคำถามสำคัญประชาชนให้ชัดเจนในการจัดการด้าน Safety ความปลอดภัยไม่ก่ออันตราย ด้าน Security ความมั่นคงปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ และด้าน Safeguards การคุ้มครองด้านความปลอดภัย หลักการ 3S นี้ถือ เป็นพื้นฐานสำคัญ ก่อนที่จะสามารถใช้งานพลังงานนิวเคลียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

   ปัจจุบันไม่ใช่เฉพาะประเทศจีนที่ให้ความสำคัญกับ SMR หากแต่มีมากกว่า 18 ประเทศที่มีการพัฒนาและออกแบบโรงไฟฟ้า SMR มากกว่า 80 แบบ ซึ่งประเทศไทยควรพิจารณาคัดเลือกแบบและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทและเงื่อนไขของประเทศ และจำเป็นต้องศึกษาวิเคราะห์กับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายต่อไป  รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมในทางเทคนิคเพื่อการใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้า SMR อย่างปลอดภัยสูงสุด ตลอดจนหน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีการสื่อสารส่งต่อข้อมูล SMR ที่ควรรู้สำหรับคนไทยทั่วไป เพื่อให้มีความเข้าใจ คลายความกังวลและมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับนวัตกรรมแห่งอนาคตเหล่านี้ด้วย  “ทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น เชื่อมือ และเชื่อใจ หรือ Trust  คือ โจทย์สำคัญและละเอียดอ่อนสำหรับหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบหลักด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ อาทิ กฟผ. รวมถึงองค์กรอื่นๆ ที่มีองค์ความรู้ด้านพลังงานนิวเคลียร์ จะต้องสื่อสารด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะองค์กรที่จะมาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจจะต้อง “มีเครดิต” (credibility) ในการสื่อสารอย่างจริงใจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและคลายกังวลในประเด็นด้านความปลอดภัย”

แชร์โพสต์ :

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top