
การเจรจาตกลงสงบศึกภาษีตอบโต้การค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนมีแนวโน้มคลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น ดันราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้น สกนช.ยัน กองทุนมีสภาพคล่องพอพยุงราคาขายปลีก ยันตรึงดีเซลต่อที่ 32 บาท ส่วนเบนซินจะดูแลเป็นระยะ ๆ เผยสถานะหนี้เหลือ 8 หมื่นล้าน คาดจ่ายหมดเร็วสุดปี’70 ส่วนกองทุนน้ำมันฯฉายแววสดใส เหลือติดลบแค่หลักร้อยล้าน คาดสิ้นปีพลิกกลับเป็นบวก
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จะเห็นได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากนโยบายหนุนพลังงานฟอสซิลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแต่หลังจากที่สหรัฐประกาศผ่อนปรนภาษีนำเข้าตอบโต้การค้าจากจีนทำให้ในช่วง2 วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าการตลาดลดน้อยลง ส่งผลให้ทิศทางการใช้น้ำมันจะมากขึ้นด้วย ส่วนราคาน้ำมันในไทยจะปรับขึ้นหรือไม่ จะต้องพิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งราคาขายปลีกสามารถปรับขึ้นได้ แต่จะยังคงพยุงราคาดีเซลไว้ ขณะที่น้ำมันเบนซินหากเงินกองทุนยังคงเพียงพอก็จะนำส่วนนี้เข้าไปช่วยเป็นระยะ ๆ เหมือนช่วงที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าทิศทางราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ที่ประมาณ 65-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คงไม่มีการปรับขึ้นมากนักหากไม่มีปัจจัยเสี่ยงหรือสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบ สำหรับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีการชะลอการขึ้นภาษีตอบโต้การค้าออกไป 90 วันนั้น เมื่อครบกำหนดในเดือนกรกฎาคมนี้ คงต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาแต่ละประเทศ รวมถึงจีน และไทยด้วย “คิดว่าทิศทางการใช้น้ำมันจะดีขึ้น ถ้ามีการพูดคุยเจรจากัน แต่ก็ยังไม่มากเท่าไหร่”
ปลายปีกองทุนน้ำมันฯเป็นบวก
ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 11 พ.ค. 2568 มีสถานะติดลบลดลงอยู่ที่ 45,484 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบอยู่ที่ 372 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 45,112 ล้านบาท หนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน 80,833 ล้านบาท โดยมีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯวันละ 307 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 9,500-10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากสถานะติดลบลดลงอยู่ที่ 45,484 ล้านบาท คาดการณ์ว่าในช่วงปลายปีนี้ หรืออีก 6-7 เดือน สถานะกองทุนน้ำมันฯจะกลับมาเป็นบวกได้ “ตอนนี้สถานการณ์กองทุนน้ำมันฯเริ่มดีขึ้น คาดว่าสัปดาห์หน้าในส่วนของดีเซลจะเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวก ตอนนี้ติดลบอยู่ที่ 300 กว่าล้านบาท และเราก็ช่วยให้ราคาตรึงไว้ที่ 32 บาทต่อลิตรไว้ก่อน” นายพรชัยกล่าว
จ่ายหนี้กองทุนหมดเร็วสุดปี’70
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯยังคงต้องจ่ายหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงิน 105,333 ล้านบาท วงเงินกู้ 18 งวด ปัจจุบันหนี้คงเหลือ 80,833 ล้านบาท ทำให้หนี้เงินกู้ลดลงไปพอสมควร ซึ่งจะต้องจ่ายเงินต้นประมาณ 1,400 ล้านบาท และดอกเบี้ยประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในเดือนกันยายนจะต้องจ่ายเงินต้นสูงสุด 2,000-3,000 ล้านบาท สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท มีเงินเพียงพอสำหรับชำระหนี้ได้ คาดว่าจะสามารถชำระเงินกู้ทั้งหมดครบภายในปี 2571-2572 หรือเร็วสุดได้ในปี 2570-2571
กองทุนรับภาระภาษีถึงเดือน ก.ย.
นายพรชัยระบุว่า ส่วนกรณีคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ตามมติคณะรัฐมนตรี และส่วนที่ 2 การพิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ลดลงประมาณวันละ 49.57 ล้านบาทต่อวัน
แต่โดยรวมแล้วสถานะกองทุนน้ำมันฯยังมีสภาพคล่องอยู่ การจัดเก็บภาษีเป็นเรื่องรายได้ของประเทศ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตจะมีผลต่อราคาขายปลีก แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ หากราคาขายปลีกปรับขึ้นก็จะกระทบกับประชาชน ดังนั้นเมื่อสถานะกองทุนน้ำมันฯยังมีสภาพคล่องเพียงพอ เราจึงเข้าไปช่วยพยุงราคาขายปลีกไว้ โดยรายรับของกองทุนน้ำมันฯประเภทน้ำมัน ลดลงไปวันละ 49.57 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุนจะสามารถรองรับการขึ้นภาษีสรรพสามิต ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2568 หรือสิ้นเดือนกันยายน 2568 แต่หากราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นอีก ก็ต้องมีการพิจารณาราคาขายน้ำมันในประเทศด้วย “เราคำนวณไว้ถึงเดือนกันยายน เพราะว่าตุลาคมจะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว และเริ่มเปลี่ยนผ่านฤดูเร็วกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งฤดูหนาวราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาขายปลีกก็ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก”
รู้ตัว ผอ.คนใหม่เดือน พ.ค.นี้
ขณะที่ความคืบหน้าการสรรหาผู้อำนวยการ สกนช.คนใหม่ โดย นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสรรหาฯ ได้ลงนามประกาศ 2 รายชื่อแคนดิเดต จำนวน 2 คน ได้แก่ 1.พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ 2.นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน คาดว่าจะสามารถประกาศผลการแต่งตั้ง ผอ.สกนช.คนใหม่ ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2568